คลังสินค้าฟรีโซน หรือ เขตปลอดอากร เป็นพื้นที่พิเศษที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรจากรัฐบาล รวมไปถึงภาษีสรรพสามิตและภาษีมูลค่าเพิ่ม เหมาะสำหรับการเก็บสินค้า นำเข้า ส่งออก แปรรูป ประกอบหรือจำหน่าย โดยไม่ต้องเสียภาษีทันที ปัจจุบัน ประเทศไทยมีคลังสินค้าฟรีโซน อยู่หลายประเภท แต่ละประเภทมีวัตถุประสงค์และการใช้งานที่แตกต่างกัน บทความนี้จะพาทุกท่านไปรู้จักกับประเภทของคลังสินค้าฟรีโซน
ประเภทของคลังสินค้าฟรีโซน แบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ดังนี้
1.คลังสินค้าทัณฑ์บนทั่วไป
- เก็บสินค้าได้หลากหลายประเภท เช่น สินค้าทั่วไป วัตถุดิบ ชิ้นส่วนอะไหล่ เครื่องจักร สินค้าเกษตร
- สินค้าอยู่ในสถานะ “ยังไม่ผ่านพิธีการศุลกากร”
- ได้รับสิทธิประโยชน์ ยกเว้นภาษีอากรขาเข้า และภาษีมูลค่าเพิ่ม
เหมาะสำหรับ:
- ผู้นำเข้าสินค้าเพื่อรอส่งออกต่อไป
- ผู้ประกอบการที่ต้องการสต๊อกสินค้าจำนวนมาก
- ผู้ผลิตที่ต้องการนำเข้าวัตถุดิบเพื่อผลิตสินค้า
2.คลังสินค้าทัณฑ์บนสำหรับเก็บก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG)
- เก็บก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG)
- อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมธุรกิจพลังงาน
เหมาะสำหรับ:
- ผู้ค้า LPG
- บริษัทขนส่ง LPG
- ผู้ประกอบการที่ใช้ LPG เป็นเชื้อเพลิง
3.คลังสินค้าทัณฑ์บนสำหรับอู่ซ่อมหรือสร้างเรือ
- เก็บอุปกรณ์ ชิ้นส่วนอะไหล่ เครื่องจักร ที่ใช้ในการซ่อมหรือสร้างเรือ
- อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมเจ้าท่า
เหมาะสำหรับ:
- อู่ซ่อมเรือ
- ผู้ผลิตเรือ
- บริษัทขนส่งทางเรือ
4.คลังสินค้าทัณฑ์บนเพื่อแสดงและขายของ
- เก็บสินค้าเพื่อแสดงและขายภายในเขตปลอดอากร
- ได้รับสิทธิประโยชน์ ยกเว้นภาษีอากรขาเข้า และภาษีมูลค่าเพิ่ม
เหมาะสำหรับ:
- ผู้ประกอบการที่ต้องการนำสินค้ามาจัดแสดง
- ผู้ขายสินค้าปลอดอากร
- บริษัทจัดงานแสดงสินค้า
สามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยว กับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร คลังสินค้าฟรีโซน ได้ที่บทความนี้
สรุป
คลังสินค้าฟรีโซน เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับธุรกิจที่ต้องการขยายตลาด เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และลดต้นทุนการดำเนินงาน ผู้ประกอบการควรศึกษาข้อมูล เลือกประเภทคลังสินค้าให้เหมาะสม และวางแผนการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ